วันนี้ (20 ต.ค. 66) เวลา 09.09 น. ณ ลานหน้าที่ว่าการอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายสมบัติ ไตรศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นางสาวอรอาภา โล่ห์วีระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นายธงชัย โอฬารพัฒนะชัย ปลัดจังหวัดชัยภูมิ นายอำเภอ 16 อำเภอ นายอร่าม โล่ห์วีระ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคีเครือข่าย ร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบสักการะอนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (เจ้าพ่อพญาแล) เจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดชัยภูมิ แล้วประกอบพิธีพุทธาภิเษกพระบรมรูปจำลอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล ประธานสงฆ์ให้ศีล พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้น พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 5 รูป คือ พระเทพภาวนาวิกรม วิ. ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 พระราชภาวนาวชิรคุณ วัดเขาตะเงาะอุดมพร พระสุนทรปริยัติกิจ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ พระครูจันทโพธานุวัติ เจ้าคณะอำเภอจัตุรัส และพระครูปลัดสุริยัณจันทวัณโณ ประกอบพิธีพุทธาภิเษกพระบรมรูปจำลองพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จำนวน 70 องค์ ปิดทองพระบรมรูปจำลอง แล้วปะพรมน้ำพระพุทธมนต์พระบรมรูปจำลอง ผู้ร่วมพิธีถวายภัตตาหารเพล และจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา กรวดน้ำ รับพร เป็นอันเสร็จพิธีพุทธาภิเษกพระบรมรูปจำลอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ มีใจความสำคัญว่า ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ และทรงปกครองพระราชอาณาจักรให้มีความมั่นคง และร่มเย็นเป็นสุข ทรงพระราชอุตสาหะ เสด็จประพาสต้นเพื่อสดับตรับฟังทุกข์สุขของปวงพสกนิกรในท้องถิ่นต่าง ๆ พระองค์มีพระราชดำริพัฒนาชาติบ้านเมือง ให้มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน ทรงนำวิทยาการที่ได้จากการเสด็จพระราชดำเนินไปเยือนต่างประเทศ มาวางรากฐานการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ทั้งการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูประบบการเงินการคลัง การศึกษา การสาธารณูปโภค ด้วยพระปรีชาสามารถ และสายพระเนตรอันกว้างไกล ทำให้ประเทศชาติพัฒนาก้าวหน้าทันสมัย ทรงยกเลิกระบบทาส ระบบไพร่ และทรงนำศาสตร์การปกครองของไทยและชาติสากล มาผนวกใช้ในการปกครองพระราชอาณาจักร นำพาชาติบ้านเมืองให้ผ่านพ้นภัย ดำรงอธิปไตย และความเป็นเอกราชของชาติไว้ได้อย่างมั่นคง ทำให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรือง พัฒนาไพบูลย์ สืบเนื่องมาจนกาลปัจจุบัน และด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น พสกนิกรชาวไทยทั้งหลาย จึงต่างน้อมรำลึกเทิดพระเกียรติคุณ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ถวายพระราชสมัญญาแด่พระองค์ว่า “พระปิยมหาราช” ยังผลให้พระเกียรติยศเป็นที่ประจักษ์แก่นานาอารยประเทศ
“พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ต่างรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ขอเดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดดลบันดาลประทานพรให้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ประสบแต่สิ่งอันเป็นมงคล ปราศจากภยันตรายทั้งปวง มีพลังกาย พลังใจ ที่เข้มแข็งและสัมฤทธิ์ผลในสิ่งที่พึงปรารถนาทุกประการโดยทั่วกัน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในช่วงท้าย
จากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประกอบพิธีเปิดผ้าแพรคลุมพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วถวายความเคารพ คล้องพวงมาลัยที่คทาหัตถ์ขวา จุดเครื่องทองน้อย และถวายบังคม พระเทพภาวนาวิกรม วิ. ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 เจิมฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ และปะพรมน้ำพระพุทธมนต์ เสร็จแล้ว ผู้นำสตรี และสตรี 9 ตำบลของอำเภอจัตุรัส และนักเรียนโรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร รวม 250 คน รำถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอันเสร็จพิธี
โดยภายหลังเสร็จพิธี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวพบปะผู้ร่วมพิธี โดยกล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องภาคีเครือข่ายทุกคนที่ร่วมจิตร่วมใจแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ช่วยกันบริจาคทรัพย์ ออกแรงกาย แรงใจ และมาร่วมในพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่พวกเราเคารพ และมีความรัก ความรำลึกนึกถึง พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยตั้งแต่อดีต ทั้งเรื่องการปฏิรูปการปกครอง การศึกษา การคมนาคม การสื่อสาร งานสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่าง ๆ โดยมีสิ่งสำคัญยิ่ง 2 ประการ คือ 1) ทรงทำให้พวกเราคนไทยทุกคนได้เป็น “ไท” ด้วยทรงยกเลิกระบบทาส ไพร่ โดยใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน แต่ด้วยพระปรีชาชาญที่ล้ำลึก ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่สามารถเลิกทาสอย่างไม่มีการนองเลือดหรือเสียชีวิต และสิ่งสำคัญประการที่ 2) การรักษาเอกราชของชาติไทยให้คงอยู่จากลัทธิล่าอาณานิคม แล้วเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว พวกเราคนไทย เมื่อมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ ก็จะนึกถึงพระองค์ท่าน ขอพระบารมีของพระองค์ท่านมาปกเกล้าปกกระหม่อมเพื่อขจัดปัดเป่าภยันอันตราย
“การที่พวกเราทุกคนร่วมแสดงความกตัญญูกตเวทีด้วยการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ที่ว่าการอำเภอจัตุรัส แห่งนี้ เพื่อให้ทุกวันที่ 23 ตุลาคม พวกเราจะได้ร่วมกันรำลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของท่าน และประกอบพิธีถวายบังคม เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์คู่กับพวกเราชาวจัตุรัส คู่กับชาวจังหวัดชัยภูมิ และคนไทยทุกคน และในโอกาสนี้ ขอเชิญชวนให้นายอำเภอจัตุรัส ได้จัดตั้งกองทุนสมเด็จพระปิยมหาราช อำเภอจัตุรัส เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ยากจน รวมทั้งทำนุบำรุงพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อำเภอจัตุรัส และอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล อำเภอจัตุรัส ซึ่งตนพร้อมด้วยผู้มาร่วมงาน ได้แก่ คุณอรรณพ อัครนิธิยานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อรรณพชัยภูมิฟาร์ม จำกัด นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นางสาวอรอาภา โล่ห์วีระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และนายอร่าม โล่ห์วีระ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ได้ร่วมกันบริจาคเงินประเดิม รวมจำนวน 600,000 บาท โดยท่านนายอำเภอจัตุรัส จะตั้งคณะกรรมการและเปิดบัญชีเงินฝาก และดำเนินการต่อไป เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลและสิ่งที่ดีงามในชีวิตของพี่น้องชาวจัตุรัส ตลอดไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า นอกจากนี้ ขอให้พวกเราทุกคนได้ร่วมกันภาคภูมิใจในความเป็นไทย ดังผืนธงไตรรงค์ที่ล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชโอรสในสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนธงชาติไทยจากธงช้าง เป็นธงไตรรงค์ มี 3 สี 6 แถบ สีน้ำเงินมี 2 แถบ แต่ละแถบมีขนาดเท่ากัน เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งความอุดมสมบูรณ์พูนสุขอย่างยั่งยืน ด้วยการช่วยกันดูแลครอบครัว ชุมชน ดูแลลูกหลาน คนในครัวเรือน น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมุ่งดูแลสุขภาพอนามัยของลูกหลานให้ได้รับสารอาหารครบทุกหมู่ ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือ “การพึ่งพาตนเอง” ทั้งในเรื่องของการปลูกผักสวนครัวสร้างความมั่นคงทางอาหารตามโครงการต้นแบบที่พระองค์พระราชทานให้เป็นแนวทาง คือ โครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง และทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน โครงการทหารพันธุ์ดี โครงการตำรวจพันธุ์ดี และการดูแลเด็กในถิ่นทุรกันดารห่างไกลให้มีอาหารการกินที่สะอาด ปลอดภัย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งการปลูกผักสวนครัว พืชสมุนไพร เลี้ยงกบ เลี้ยงไก่ไข่ และร่วมกันทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน เพื่อให้มีปุ๋ยหมักเป็นสารบำรุงดินบำรุงพืชพันธุ์ธัญญาหาร ภายในบริเวณรอบบ้าน รวมถึงการสวมใส่ผ้าไทยในทุกวัน เพื่อที่จะยังผลให้เกิดการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก เกิดการดูแลช่วยเหลือจุนเจือซึ่งกันและกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่จะทำให้พวกเราทุกคนได้มีความอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุขอย่างยั่งยืน
นายเดช เสนาะคำ นายอำเภอจัตุรัส กล่าวว่า อำเภอจัตุรัส โดยภาคีเครือข่ายในพื้นที่อำเภอจัตุรัส ได้มีฉันทามติร่วมกันจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ขึ้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และเป็นที่เคารพสักการะเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม โดยเมื่อได้รับอนุญาตให้มีการก่อสร้างจากกรมศิลปากรแล้ว จึงได้มีการจัดกิจกรรมระดมทุนทรัพย์ในการจัดสร้าง ประกอบด้วย กิจกรรมการวิ่งเทรลบึงละหาน กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทุ่งบัวแดง วิถีชนคนบึงละหาน และการทอดผ้าป่าสามัคคีจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 2,215,500 บาท โดยมีการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ คนที่ 70 เป็นประธานในพิธี พระสุนทรปริยัติกิจ เป็นประธานสงฆ์ ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 93 วัน
“พระบรมราชานุสาวรีย์ มีขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 16 เมตร พื้นปูด้วยหินแกรนิต แท่นฐานและที่วางพานพุ่มเป็นหินอ่อนรูปแบบปฏิมากรรมย่อมุมไม้สิบสองสมัยอยุธยา องค์พระบรมรูปจำลองพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะทรงยืน ฉลองพระองค์เต็มยศ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภ ประดับดารา และสายสะพายมหาจักรีบรมราชวงศ์และดาราปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ หล่อด้วยเนื้อสัมฤทธิ์รมดำ ขนาดกว้าง 70 เซนติเมตร สูง 2 เมตร ลึก 60 เซนติเมตร” นายอำเภอจัตุรัส กล่าวเพิ่มเติม
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 988/2566 วันที่ 20 ต.ค. 2566