เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยถึงการให้ความช่วยเหลือสองแม่ลูกที่พลัดพรากกันเป็นเวลากว่า 9 ปี โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน (ทีมงานพิราบข่าว) กรณี ด.ญ.สุภาณวรรณ ยาณปัญญา หรือน้องน้ำตาล อายุ 11 ปี เด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนมิตรมวลชน 2 ซึ่งเป็นเด็กที่เรียนค่อนข้างดี แต่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนและไม่มีผู้ปกครองคอยสนับสนุน ซึ่งอาจส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษาในระดับต่อไป จึงขอความช่วยเหลือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ให้ช่วยตามหามารดาของ ด.ญ.น้ำตาล
ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี ว่าได้รับการประสานจากสื่อมวลชน (ทีมงานพิราบข่าว) ซึ่งลงสำรวจพื้นที่เพื่อจัดงานวันเด็กประจำปี 2567 ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนมิตรมวลชน 2 และได้พบ ด.ญ.น้ำตาล อาศัยอยู่กับย่าซึ่งเป็นคนพื้นที่สูง ที่ตำบลเขาโจด อำเภอศรีสวัสดิ์ อยู่ในกลางหุบเขาของจังหวัดกาญจนบุรี โดยที่ ด.ญ.น้ำตาล ยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จากการสอบถามรายละเอียดพบว่า ด.ญ.น้ำตาล มีการแจ้งเกิดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตร และได้ย้ายทะเบียนบ้านไปที่บ้านของแม่ผู้ให้กำเนิดที่จังหวัดกำแพงเพชร จึงเห็นว่ามีหนทางที่จะทำบัตรประจำตัวประชาชน และตามหามารดาของ ด.ญ. น้ำตาลได้ ทีมงานพิราบข่าวจึงได้ประสานขอความช่วยเหลือมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี
ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อทราบเรื่องดังกล่าวจึงมอบหมายให้นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี ดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยทันที ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าแม่แป้ง (มารดาของ ด.ญ.น้ำตาล) เคยทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ไปสอบถามเจ้าของร้านอาหารจนทราบว่าได้ย้ายออกไปทำงานที่อื่นนานแล้ว แต่ยังมีญาติที่ทำงานอยู่ที่ร้านและยังติดต่อกันอยู่บ้าง จึงได้ขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อจะติดต่อ แต่เนื่องจากแม่แป้งทำงานที่โรงงานไก่ที่อำเภอดอนเจดีย์ มีลักษณะทำงานเป็นกะ ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ระหว่างทำงานได้และปกติแม่แป้งก็จะไม่รับโทรศัพท์ที่มาจากคนที่ไม่รู้จัก ทีมงานจึงไม่สามารถติดต่อแม่แป้งได้ แต่ทางทีมงานก็ไม่ลดละความพยายาม ทำให้สามารถติดต่อแม่แป้งได้ และสอบถามรายละเอียดทราบว่าทางแม่แป้งก็พยายามตามหาลูกสาวเหมือนกัน สุดท้ายด้วยอานุภาพของความรักและสายใยของความเป็นแม่ลูกที่ก็ตัดกันไม่ขาดจนสามารถกลับมาพบกัน หลังจากที่พลัดพรากกันกว่า 9 ปี โดยความช่วยเหลือของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ช่วยทำให้สองแม่ลูกได้พบกัน ซึ่งบรรยากาศการพบเจอกันระหว่างแม่ลูกที่พลัดพรากกันมาเป็นเวลานานนั้น เต็มไปด้วยความยินดีและน้ำตาแห่งความชื่นมื่น ซึ่งตรึงใจผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างยิ่ง และหลังจากที่น้องน้ำตาลได้พบกับแม่แล้ว ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรีจึงได้ประสานงานไปยังนายอำเภอหนองปรือ เพื่อนำน้องน้ำตาลไปทำบัตรประจำตัวประชาชนเป็นครั้งแรก
“ขอชื่นชมและขอบคุณพลเมืองดี ทีมงานพิราบข่าว ทีมงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนมิตรมวลชน 2 และครูผู้ดูแลเด็ก อีกทั้งคุณย่าที่เลี้ยงดู ด.ญ.น้ำตาล ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 2 ขวบ และทีมงานนายอำเภอหนองปรือ ซึ่งเป็นอำเภอข้างเคียงที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางมาทำบัตรประชาชน และสอบสวนจนสามารถออกบัตรประชาชนให้ ด.ญ.น้ำตาล ได้เรียบร้อย ซึ่งเป็นการสานฝันของเด็กคนหนึ่งให้เป็นความจริงขึ้นมาได้นั้น สุดท้ายนี้ ขอประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนทุกท่านที่มีความเดือดร้อนสามารถขอรับความช่วยเหลือ หรือร้องเรียนร้องทุกข์ ประสานการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท/แก้ไขปัญหาของประชาชน รวมทั้งให้คำปรึกษา เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยสามารถแจ้งข้อมูลหรือความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ หรือที่สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง” ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1009/2566 วันที่ 26 ต.ค. 66