วันนี้ (9 พ.ย. 66) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมตาปี ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย, นายสมชัย อัศวชัยโสภณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นางสมหญิง บัวบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายชุมสาย ศรียาภัย, นางสาวรัตมณี จงรักษ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประชุมติดตามความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย และการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี นายมนตรา พรหมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีที่มีโอกาสได้มาพบปะเพื่อให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน และติดตามรับฟังปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานเพื่อ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่ประชาชน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาล ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงได้เร่งรัดดำเนินนโยบายเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ทั้งเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และนอกจากการลดค่าใช้จ่ายของประชาชนแล้ว ในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ยังได้กำชับและเน้นย้ำว่า เป้าหมายสำคัญของเรื่องนี้ คือต้องลดความรุนแรงของน้ำ “ น้ำต้องไม่ท่วม ไม่แล้ง” และ “ประชาชนต้องมีน้ำดื่ม น้ำใช้” ตลอดปี ดังนั้น ตนในฐานะที่กำกับดูแลกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จึงกำหนดเดินทางเพื่อไปติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยและคลื่นลมแรงในช่วงฤดูฝน ซึ่งหลักจากที่รับทราบข้อมูลแล้วตนและจะได้นำข้อมูลไปกราบเรียนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ในเรื่องการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยและคลื่นลมแรงในช่วงฤดูฝน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อให้สามารถปฏิบัติการช่วยเหลือและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนได้อย่างทันทีท่วงที เตรียมความพร้อมทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยจากศูนย์ ปภ.เขตภาคใต้ เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยไว้ล่วงหน้า หากไม่เพียงพอให้พิจารณาเคลื่อนย้ายเครื่องจักรกลจากศูนย์ ปภ. ในภาคเหนือและอีสาน เข้าประจำการล่วงหน้า รวมถึงการนำเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 เข้าประจำการในพื้นที่ภาคใต้ ณ ค่ายวิภาวดีรังสิต จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสนับสนุนภารกิจการป้องกัน แก้ไขปัญหา และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
สำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งในเรื่องการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดฟื้นฟู ตนสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด (ศอ.ปส.จ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลทั้ง 3 ด้าน (ด้านป้องกัน ด้านปราบบปราม ด้านบำบัดฟื้นฟู) โดยช่วยการสร้างการรับรู้ สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดและมีความต่อเนื่อง ด้านการบำบัดฯ ต้องเร่งค้นหา คัดกรอง ผู้เสพยาเสพติดเพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา และสร้างงานสร้างอาชีพเพื่อให้สามารถกลับคืนสู่สังคมและครอบครัวต่อไป ในด้านการส่งเสริมอาชีพและเศรษฐกิจฐานราก ให้จังหวัดเร่งดำเนินการส่งเสริม และสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของรัฐวิสาหกิจชุมชนผ่านการขับเคลื่อนโครงการ ”หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์“ พัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP พัฒนาคุณภาพและมาตรสินค้า พร้อมทั้งส่งเสริมและขยายช่องทางการตลาด เชื่อมโยงสินค้า OTOP ของชุมชนให้มีศักยภาพพัฒนาต่อยอดให้เป็นสินค้าส่งออกให้สอดคล้องกับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาลต่อไป
ต่อมา เวลา 11.30 น. ที่ อาคารหลังคาโค้ง ศูนย์ ปภ. เขต 11 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้ตรวจความพร้อมการเตรียมเครื่องจักรกลสาธารณภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และตรวจจุดระดมทรัพยากรสำหรับการระดมทรัพยากรสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ต่อไป
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1067/2566 วันที่ 9 พ.ย. 2566
