วันนี้ (28 ส.ค. 67) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เนื่องจากบริเวณพื้นที่ภาคเหนือตอนบนมีร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ส่งผลกระทบให้เกิดมวลน้ำจำนวนมากไหลลงมายังแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักที่ไหลผ่านหลายอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่มีความกังวลว่าอาจเกิดเหตุการณ์น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน รวมไปถึงสถานที่สำคัญเช่นเดียวกับหลายจังหวัดในภาคเหนือตอนบนที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัยอยู่ขณะนี้
นายนิรัตน์ กล่าวว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ตนในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งดำเนินการเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเปิดช่องทางให้น้ำสามารถไหลผ่านได้อย่างสะดวก พร้อมได้นำทีมผู้บริหารจังหวัดลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณสะพานนวรัฐ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ล่าสุดข้อมูลจากสำนักงานชลประทานที่ 1 และโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้รายงานสถานการณ์น้ำในปัจจุบันว่า ขณะนี้ระดับน้ำในลำน้ำปิงและลำน้ำสาขาทั้งหมดอยู่ในระดับปกติ ซึ่งเขื่อนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในขณะนี้ได้อีก โดยที่สถานีตรวจวัดน้ำ P1 บริเวณสะพานนวรัฐ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการติดตามเฝ้าระวังของจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงมีระดับน้ำอยู่ที่ 2.35 เมตร ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับสภาวะปกติ และยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ระดับสูงสุดที่ 4.20 เมตร
“สำหรับข้อกังวลของพี่น้องประชาชน ว่ามวลน้ำปริมาณมากจากการที่ฝนตกหนักในอำเภอฝางจะไหลลงสู่ลำน้ำปิง ซึ่งทำให้ปริมาณระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นและอาจส่งผลกระทบในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนั้น จึงขอชี้แจงว่า มวลน้ำดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำคนละสาย โดยมวลน้ำจากอำเภอฝางจะไหลขึ้นไปยังแม่น้ำกกและจะผันไปลงสู่แม่น้ำโขงทางตอนเหนือของจังหวัด ซึ่งจะไม่ไหลย้อนเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ จึงขอให้พี่น้องประชาชนคลายความกังวลใจในส่วนนี้ มากไปกว่านั้น ตนได้สั่งการเน้นย้ำไปยังโครงการชลประทานจังหวัดเชียงใหม่เร่งดำเนินการกำจัดวัชพืชในลำน้ำปิง บริเวณสะพานแม่สอยพัฒนา ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ บนเนื้อที่กว่า 2,000 ตารางเมตร หรือ 12.5 ไร่ สามารถคิดเป็นปริมาณวัชพืชมากถึง 1,000 ตัน โดยได้นำรถเครน 50 ตัน รถแบคโฮบูมยาว 3 คัน 120 แรงม้า และโป๊ะใส่รถขุด 1 ลำ จาก สำนักงานชลประทานที่ 1 เข้าดำเนินการแล้ว ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 4 วันจากนี้ เพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ให้มวลน้ำสามารถไหลได้สะดวกและป้องกันน้ำเอ่อล้นตลิ่ง” นายนิรัตน์ กล่าว
“ทั้งนี้ สถานการณ์ฝนตกหนักในจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงอยู่ในพื้นที่สีแดง ที่ต้องเฝ้าระวังเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์และน้ำท่วมขัง ระหว่างวันที่ 26 – 28 สิงหาคม 2567 ในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่อาย ฝาง เชียงดาว พร้าว ไชยปราการ จอมทอง และอำเภอฮอด จึงขอเน้นย้ำไปยังทุกส่วนราชการ ภาคีเครือข่ายเฝ้าระวังภัย และพี่น้องชาวเชียงใหม่ทุกท่านร่วมกันกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำทุกแห่ง ควบคู่กับเร่งแก้ปัญหาพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยในเขตเมือง และชุมชนต่าง ๆ และสำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ขอให้หน่วยงานในพื้นที่ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง เด็ก รวมถึงสตรีมีครรภ์ พร้อมเร่งดำเนินการฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว นอกจากนี้ ยังกำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการเกิดเหตุวิกฤตฉุกเฉิน และหากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ใดได้รับผลกระทบ หรือ ต้องการความช่วยเหลือขอให้แจ้งข้อมูลมาที่สายด่วนนิรภัย 1784 หรือ สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม ที่ 1567 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เร่งให้การช่วยเหลือต่อไป” นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1675/2567 วันที่ 28 ส.ค. 2567