เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 67 เวลา 13.30 น. ที่บ้านเลขที่ 129 หมู่ที่ 5 ตำบลตั้งใจ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีมอบบ้าน “นายแก้ว บุตรชาติ ปูชนียบุคคลด้านช้างไทย จังหวัดสุรินทร์” โดยได้รับเมตตาจาก พระครูปทุมสังฆการ ดร. รองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เจ้าอาวาสวัดประชุมเมฆ เจริญพระพุทธมนต์ขึ้นบ้านใหม่ โดยมี นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นางนุชจรินทร์ บุญทัน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุรินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หัวหน้าส่วนราชการ พ.อ.บุญส่ง พรหมนิล รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 25 นายพรชัย มุ่งเจริญพร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ นายสมเดช รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตั้งใจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจิตอาสา และภาคีเครือข่าย ร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขออนุโมทนาบุญท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ ในฐานะที่เป็นผู้นำในการรวมพลังความรักความสามัคคีของพี่น้องชาวจังหวัดสุรินทร์ทุกภาคส่วน ตั้งแต่หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทั้งผู้นำท้องถิ่น คือ ท่านนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตั้งใจ สมาชิกสภา ผู้นำท้องที่ คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงพี่น้องทหารหาญ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ประกอบการ ห้างร้านภาคเอกชน และพี่น้องประชาชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระครูปทุมสังฆการ ดร. รองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งทุกท่านได้ “มาช่วยกันทำสิ่งที่ดีของชีวิตให้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้น” แม้ว่าท่านนายอำเภอเมืองสุรินทร์ท่านจะกล่าวรายงานประวัติความสำเร็จมีที่มาจากปฐมบทต้นต้นคิดของปลัดกระทรวงมหาดไทย คนที่ 41 ที่ได้มาเยี่ยมเยียนพื้นที่แห่งนี้ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2567 แต่ความสำเร็จจะไม่เกิดขึ้น ถ้าหากขาดผู้นำ และพลังภาคีเครือข่ายดังที่ตนได้กล่าวข้างต้น
“คำว่า “มาช่วยกันทำ” จริง ๆ แล้ว ภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนพี่น้องภาคีเครือข่ายนั้น เกิดจากการที่ตนได้ไปเยี่ยมท่านรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 9 มิถุนายน 2567 และได้เดินทางไปที่โรงเรียนฝึกสอนควาญช้างและช้าง ทำให้ได้พบกับ พ่อแก้ว บุตรชาติ ที่ทางมหาวิทยาลัยได้เชิญมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิของโรงเรียนฝึกสอนควาญช้างและช้าง ซึ่งท่านได้ช่วยเหลือสังคมด้วยการนำความรู้ความสามารถที่มีอยู่มากจนเกินกว่าพวกเราจะสรุปได้ว่า “ความรู้ท่านมากขนาดไหน” และเมื่อพูดคุยติดตามถามไถ่ ทำให้ได้ทราบว่า ท่านมีที่ดินอยู่ในหมู่ 5 บ้านระไซร์ พื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลตั้งใจ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ แต่ไม่มีบ้าน ตนจึงปรารถนาที่จะให้พ่อแก้วได้มีบ้านพักในที่ดินตนเอง เพื่อให้ญาติพี่น้องลูกหลานจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ในพื้นที่ที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน จึงได้มีดำริ ในการเชิญชวนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมกันสร้างบ้านหลังนี้ กระทั่งสำเร็จลุล่วงด้วยระยะเวลา 108 วัน หรือ 3 เดือนเศษ จึงขออนุโมทนากับทุกท่านที่ทำให้การครั้งนี้สำเร็จในขั้นต้น” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า เพื่อให้การหนุนเสริมดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่แห่งนี้ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เกิดการหลอมรวมพลังความรู้รักษาสามัคคีของพวกเราทุกคน โดยเริ่มต้นจากบ้านเลขที่ 129 ให้เป็นก้าวที่สำคัญของการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีอย่างยั่งยืน จึงขอฝากท่านนายอำเภอเมืองสุรินทร์ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตั้งใจ ท่านกำนัน ท่านผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในหมู่บ้านได้ช่วยเป็นกำลังใจ แวะมาเยี่ยมเยียน ช่วยเหลือดูแลพ่อแก้ว บุตรชาติ และครอบครัว ให้ท่านได้มีความสุข และได้เอาวิชาความรู้ประสบการณ์ด้านช้างและสรรพวิชาอื่น ๆ ที่ท่านมีมากเกินกว่าใครในแผ่นดินนี้ ให้เป็นประโยชน์กับลูกหลาน ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ต้องช่วยกันคิดและลงมือทำ เพื่อทำให้ประสบการณ์ต่าง ๆ ของพ่อแก้ว บุตรชาติ ถูกบรรจุไว้เป็นตำรับตำราหรือระบบสารสนเทศ ด้วยการมีคนมาถ่ายคลิป มาสัมภาษณ์ มาจดบันทึก และนำไปเรียบเรียง เพื่อที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่งจะเป็นหลักประกันว่า ประสบการณ์ของพ่อแก้ว นอกเหนือจากเรื่องช้าง เช่น ตำราฝัน ตำรานิมิตร จะยังคงอยู่คู่กับจังหวัดสุรินทร์ และประเทศไทย เพื่อประโยชน์ทั้งทางวิชาการ และการใช้ชีวิตร่วมกับช้าง ส่วนที่ 2 ฝากท่านผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และนายอำเภอเมืองสุรินทร์ ช่วยกรุณาส่งเสริมพ่อแก้ว บุตรชาติ ให้ท่านเป็นต้นแบบของผู้สร้างแรงบันดาลใจที่จะช่วยกันทำให้หมู่บ้าน/ตำบลแห่งนี้ เป็นหมู่บ้าน/ตำบลที่มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ด้วยการสำรวจตรวจตราให้ดีว่าคนในหมู่บ้าน/ตำบลนี้ยังมีใครตกทุกข์ได้ยาก ยังมีใครมีปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องต่าง ๆ แล้วแก้ไขทำให้คนเหล่านั้นได้มีโอกาสในการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษ ต่อผืนแผ่นดิน ทำให้ทุกครัวเรือนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีครัวเรือนของพ่อแก้ว บุตรชาติ เป็นต้นแบบ ด้วยการจัดวางระบบทำให้ทุกบ้านมีบ้านเรือนที่สะอาด มีการคัดแยกขยะ มีการทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน และน้อมนำแนวพระราชดำริเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” ลูกหลานไม่ติดยาเสพติดและอบายมุขทั้งปวง มีความสามัคคี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเกื้อกูล ดูแลกันและกัน มีงานมีการก็ลงแขกเอามื้อสามัคคี ไม่ปล่อยปละให้ใครต้องเผชิญชะตาชีวิตอย่างเดียวดายลำพัง ลูกหลานมีศีลธรรมจริยธรรมด้วยการปฏิบัติเรียนรู้สิ่งที่ดี การสอนให้ไหว้พระ ร่วมงานประเพณี ซึ่งทั้งหมดนี้เมื่อประมวลรวมแล้ว จะทำให้หมู่บ้านของเราเป็นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ตามพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งนายอำเภอเมืองสุรินทร์ได้เป็นเจ้าภาพภายใต้การขับเคลื่อนทีมอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน เพื่อทำให้หมู่บ้านนี้เป็น The Best หลังจากเราทำให้ภาพรวมจังหวัดสุรินทร์เป็น Surin Best แล้ว อันเป็นการขยายผล ทำให้บ้านของพ่อแก้ว เป็น Best Practice ในการสนองพระราชปณิธาน “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอฝากให้พวกเราช่วยกันส่งเสริมให้พ่อแก้ว บุตรชาติได้เดินทางไปมาหาสู่ได้สะดวก เพื่อถ่ายทอดสรรพวิชาความรู้ เป็น Ambassador ผู้ถ่ายทอดความรู้เรื่องช้าง และการดูแลช้าง ให้กับคนทั่วโลกต่อไป ด้วยการทำให้ท่านมีสุขภาพพลานามัย และมีกำลังใจที่จะทำความดีเช่นนี้ตลอดไป ซึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเราทุกคน จะเป็นยาอายุวัฒนะให้พ่อแก้ว บุตรชาติ และภรรยาของท่าน ได้มีอายุยืนยาว มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติตลอดไป
นายสมชัย บูรณะ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ กล่าวว่า การมอบบ้านพ่อแก้ว บุตรชาติ ผู้ที่เรามีความนับถือเพราะท่านเป็นบุคคลสำคัญที่เคยถวายงานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการดูแล พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เป็นพระยาช้างเผือกประจำรัชกาล และในปัจจุบัน พ่อแก้ว และครอบครัว ได้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอดความรู้ของโรงเรียนฝึกสอนควาญช้างและช้าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เพื่อเผยแพร่ภูมิปัญญาและสานต่อเจตนารมณ์การเลี้ยงช้างของตนเองให้ลูกหลานได้รักษาต่อยอดต่อไป
“การก่อสร้างบ้านครูแก้ว บุตรชาติ ในครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยดำริของท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเห็นว่า พ่อแก้ว บุตรชาติ เป็นปูชนียบุคคลของชาติ จึงได้ร่วมกันสร้างบ้านให้พ่อแก้ว เพื่อได้ใช้ชีวิตในการทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างมีความสุข ทางจังหวัดสุรินทร์และอำเภอเมืองสุรินทร์จึงได้ระดมสรรพกำลังความสามัคคีจากทุกภาคส่วนในการสร้างบ้านหลังนี้ โดยได้รับเมตตาจาก พระครูปทุมสังฆการ ดร. รองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เจ้าอาวาสวัดประชุมเมฆ ทำการยกเสาเอก และในด้านงบประมาณ ได้ระดมทุนทรัพย์จากข้าราชการฝ่ายปกครอง ข้าราชการในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัคร เป็นเงิน 100,000 บาท และได้รับการสนับสนุนจากท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย มอบให้ 100,000 บาท ท่านพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และท่านนุชจรินทร์ บุญทัน ประธานแม่บ้านมหาดไทย 100,000 บาท ตลอดจนถึงผู้ร่วมสมทบที่ไม่ประสงค์ออกนาม และเจ้าของกิจการห้างร้านต่าง ๆ ได้สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ จนทำให้บ้านของพ่อแก้ว บุตรชาติ สำเร็จและทำพิธีส่งมอบในวันนี้” นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติม
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1873/2567 วันที่ 25 ก.ย. 2567