วันนี้ (22 ธ.ค. 68) เวลา 17.00 น. ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน “OTOP CITY 2025” ภายใต้แนวคิด “Heaven’s Gift A Legacy of Giving ของขวัญจากฟ้า สานคุณค่าสู่ปวงชน” โดยมี น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ
ประธานกรรมการคู่สมรสคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะทูตานุทูต รวมถึง น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางอรจิรา ศิริมงคล อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยและประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารภาคเอกชน ภาคีเครือข่าย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ กระทรวงมหาดไทย ผู้ประกอบการ ประชาชน และสื่อมวลชน ร่วมในงานเป็นจำนวนมาก
นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเวลาหลายปีติดต่อกันที่ตนได้มีส่วนร่วมในงาน OTOP ทั้งในฐานะผู้เปิดงานและในฐานะลูกค้าของผู้ประกอบการทุกท่าน วันนี้จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาทำพิธีเปิดงาน OTOP CITY 2025 ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับ “โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์” มาโดยตลอด เพราะเปรียบเสมือน “แบรนด์สินค้าหลักของประเทศไทย” ที่เราต้องช่วยกันสนับสนุน
“คำว่า OTOP ไม่ได้เป็นเพียงชื่อโครงการทางการตลาดหรือตราสัญลักษณ์ของสินค้าพื้นเมืองเท่านั้นแต่คือ “จิตวิญญาณแห่งภูมิปัญญาไทย” ที่ร้อยเรียงเรื่องราว อัตลักษณ์ และวิถีชีวิตของคนในชุมชนจากรุ่นสู่รุ่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลึกซึ้งและสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนทั่วโลกได้ยอมรับผลิตภัณฑ์สินค้าที่มาจากประเทศไทย อันเป็นความท้าทายของเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันรักษามาตรฐาน สร้างความประทับใจรักษาแชมป์ที่ขึ้นชื่อว่าสินค้าจากฝีมือคนไทยให้คงอยู่ไม่เสื่อมคลาย” นายอนุทิน กล่าว
“ปีนี้เป็นปีที่ความพิเศษมากที่เราได้มาจัดงานในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2568 ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าทุกคนท่ามกลางความเหนื่อยความเครียดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ทั้งภัยพิบัติจากธรรมชาติ ความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังมีงาน OTOP CITY เป็นที่ผ่อนคลายทำให้เราได้ออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน สิ่งสำคัญที่สุด ปีนี้เมื่อท่านมาซื้อสินค้า OTOP คือการที่เราได้สามัคคีรวมพลังกันอุดหนุนสินค้าไทยจากพี่น้องประชาชนที่ต้องประสบภัยความขัดแย้งตามแนวชายแดน ซึ่งล้วนมีความสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีทั้งอาหารเครื่องนุ่งห่มสินค้าของใช้มากมายที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปด้วย“ นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า เป้าหมายสำคัญที่รัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และกรมการพัฒนาชุมชนมุ่งเน้น คือการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้ผู้ประกอบการ ตลอดจนสมาชิกในชุมชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จึงขอเชิญชวนทุกท่านใช้โอกาสนี้ร่วมกันช่วยเหลือและสนับสนุนพี่น้องร่วมชาติของเรา เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่เราจะสามารถรวบรวมผลิตภัณฑ์อันทรงคุณค่าจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มาจัดแสดงให้ทุกท่านได้เลือกชม เลือกซื้อ และร่วมกันส่งต่อกำลังใจไปยังพี่น้องผู้ผลิตและผู้ประกอบการ ให้สามารถยืนหยัดได้อย่างภาคภูมิและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เข้มแข็งจากฐานรากอย่างแท้จริง
“ท้ายนี้ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเสมอมา และขอขอบพระคุณบรรดาทูตานุทูตทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมกิจกรรมและสนับสนุนภารกิจของรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่อง และในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ ขออำนวยพรให้ทุกท่าน ตลอดจนครอบครัว และพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ขอให้ปี 2569 เป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราทุกคน ให้เป็นปีแห่งความมั่นคง มั่งคั่ง มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีความปลอดภัยในทุกการเดินทาง ขอให้ทำมาค้าขึ้น และประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปโดยถ้วนหน้า” นายอนุทิน กล่าวช่วงท้าย
ด้าน น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน ดำเนินการมหกรรมสินค้า OTOP ครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ ส่งท้ายปี ระหว่างวันที่ 20 – 28 ธ.ค. 68 รวม 9 วัน ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีต่อการอนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ซึ่งภายในงานมีการรวมตัวของผู้ผลิตและผู้ประกอบการ OTOP คุณภาพ กว่า 2,000 ราย พร้อมจัดแสดงนิทรรศการผ้าไทยใส่ให้สนุก และการจัดแสดงสินค้าจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในช่วง 2 วันแรกของการจัดงาน สามารถสร้างยอดจำหน่ายรวมได้แล้ว 174,498,743 บาท สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการกระจายรายได้สู่พื้นที่ชนบท ซึ่งคาดการณ์ว่ายอดรวมตลอดการจัดงานในปีนี้จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1090/2568 วันที่ 22 ธ.ค. 2568
