เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ถือเป็น 1 ใน 12 นโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ประเทศไทยถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่มีความสลับซับซ้อน ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงวิธีการอยู่ตลอดเวลา ด้วยความเข้าใจในปัญหาและการประสานงานการบูรณาการงานร่วมกัน ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับชุมชนและหมู่บ้าน ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้สนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่ในทุกมิติ เช่น การจัดชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน ชุดปฏิบัติการประจำตำบล หรือต้องเข้าค้นหาผู้เสพยาเสพติดในหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อลงทะเบียนเข้าระบบ สอดส่อง เฝ้าระวัง และป้องกันยาเสพติดในแหล่งมั่วสุม สถานบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานบริการ ซึ่งพบว่ามีปัญหา คือ การปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุไม่ถึงเข้าไป ส่วนปัญหายาเสพติด ที่จะต้องบูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในระดับพื้นที่ กระทรวงมหาดไทยพร้อมในการบูรณาการฐานข้อมูลยาเสพติด แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ร่วมกับ ป.ป.ส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาทุกระดับ และใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยในวันนี้ ขอหยิบยกผลการปฏิบัติในบางส่วนมาเล่าเป็นอุทาหรณ์เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้กระทำผิด ได้แก่
1.จังหวัดกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส. ร่วมกันจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหา คือ 1.นายเนติพงษ์ อายุ 22 ปี 2.นายนพเดช อายุ 28 ปี 3.นายเอกภพ อายุ 35 ปี ลำดับ (1-3 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง จ.ตาก) 4.นายจักรกฤษณ์ อายุ 53 ปี หลังสืบทราบเบาะแสการขนยาเสพติด กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจสะกดรอยติดตามรถของขบวนการ ซึ่งตรงตามที่สืบทราบมา จนเวลาประมาณ 16.00 น. สามารถสกัดจับรถต้องสงสัย มี นายเนติพงษ์, นายนพเดช และ นายเอกภพ เป็นผู้ขับขี่และนั่งมากับรถ ตรวจสอบในรถพบยาบ้า ถูกซุกซ่อนมาในกระเป๋า 16 ใบ รวม 1,600,000 เม็ด ภายในรถกระบะ นอกจากนี้ ยังตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง, ไอแพดสีดำ 1 เครื่อง ทั้งหมดรับว่า รับจ้างขนยาบ้าไปส่งลูกค้าตามที่ผู้ว่าจ้างสั่งการ จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อันเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน” โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ที่บริเวณสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนกำแพงเพชร-สุโขทัย ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ต่อมาเวลา 16.00 น. ขยายผลจับกุมเครือข่ายอีก 1 รายคือ นายจักรกฤษณ์ ได้เป็นคนที่ 4 ที่ลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาสามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการขยายผลติดตามจับกุมขบวนการยาเสพติดที่เกี่ยวข้องเพื่อมาดำเนินคดีต่อไป
2.จังหวัดหนองคาย นายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานศุลกากรภาคที่2 นายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผอ.สำนักงานศุลกากรหนองคาย พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย นายประทีป อุ่ยเจริญ นอภ.เมืองหนองคาย นายวศินพิศุต พุทธนิมนต์ หน.ฝ่ายสืบสวนและปราบปรามส่วนควบคุมทางศุลกากรร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายประสิทธิ์ อายุ 53 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 3,860,000 เม็ด, ยาอี 5,000 เม็ด ไอซ์ 10 กก. มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านบาท โดยทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ในถังน้ำมันรถบรรทุกน้ำมันของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ โดยนายประสิทธิ์ ขับรถบรรทุกน้ำมันกลับเข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบโดยใช้รถเอกซเรย์พบว่ามีความผิดปกติที่ถังน้ำมัน ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่ามีวัตถุต้องสงสัยว่าจะเป็นยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ เมื่อนำออกมาจากถังน้ำมันก็พบว่าเป็นยาบ้า ยาอี และยาไอซ์ จำนวนดังกล่าว จากการสอบสวนนายประสิทธิ์ ให้การรับสารภาพว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคนลาวไม่ทราบชื่อติดต่อมาให้จอดรถตามป่าข้างทางก่อน แล้วมี 3 คน ขนของมาขึ้นรถให้ บอกให้ตนนำยาเสพติดทั้งหมดไปส่งที่เขาหินซ้อน จ.ปราจีนบุรี ให้เงินมาก่อนแล้ว 50,000 บาท และจะมีการแจ้งจุดนำส่งยาเสพติดอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนและดำเนินกคดีตามกฎหมายต่อไป
3.จังหวัดบุรีรัมย์ นายกิติพัฒน์ กะวัง นายอำเภอประโคนชัย พ.ต.อ.เจตน์สฤษฏิ์ แพ่งศรีสาร ผกก.สภ.ประโคนชัย พร้อมด้วย ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.10 ต.ประโคนชัย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอ.ประโคนชัยที่ 6 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนปราบปราม สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ร่วมกันดำเนินการจับกุมตัว ผู้ต้องหา 3 ราย คือ 1) นายฉลาดหรือเอส อายุ 35 ปี 2) น.ส.ญาณพัฒน์หรือป๊อป อายุ 28 ปี และ 3) นายวสันต์ หรือเบส อายุ 29 ปี รวมของกลางยาบ้า 178 เม็ด นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
4.จังหวัดกระบี่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้สั่งการให้ นายภูเมศ ไกรทอง ป้องกันจังหวัดกระบี่ และสมาชิกกองร้อย อส.จ.กระบี่ที่ 1 บูรณาการร่วมกับ กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอเหนือคลอง ดำเนินการปิดล้อม ตรวจค้น เพื่อกวาดล้างยาเสพติด ตามโครงการการบูรณาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จังหวัดกระบี่ ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมนายสุภาพ หรือเดช อายุ 58 ปี หมู่ที่ 7 ตำบลเหนือคลอง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ยึดยาบ้าจำนวน 262 เม็ด โดยแจ้งข้อกล่าวหามีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเหนือคลอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาตรวจสอบในพื้นที่ตำบลเหนือคลอง ตำบลปกาสัย และตำบลตลิ่งชัน ผลปฏิบัติพบผู้เสพยาเสพติด จำนวน 9 ราย ซึ่งจะได้นำตัวผู้เสพทั้ง 9 ราย เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาเป็นลำดับต่อไป
5.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายอดิเรก อุ่นโอสถ นายอำเภอลาดบัวหลวง สั่งการให้ นายภูวริน บุญภูพันธ์ตันติ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มบริหารงานปกครอง นายอานนท์ ไชยชาติ ปลัดอำเภอ นำกำลัง ชป.ศป.ปส.อ.ลาดบัวหลวง ประกอบด้วยฝ่ายความมั่นคงอำเภอลาดบัวหลวง สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดบัวหลวง นำโดย พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.สภ.ลาดบัวหลวง ลงพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายยาเสพติด บริเวณพื้นที่หมู่ 7 ต.พระยาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจค้นพบชายต้องสงสัยทราบชื่อคือ นายไกรสร อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัว จากการตรวจค้นพบยาบ้าอยู่ในกล่องเหล็กที่กระเป๋าคาดอก 3 เม็ด โดยยอมรับว่ายาบ้าดังกล่าวซื้อมาเพื่อนำมาเสพ ต่อมาได้เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในเขต ม.7 ต.พระยาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง เป็นบ้านไม้ ยกสูง ของ นายภาคภูมิ อายุ 29 ปี หลังถูกร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมอำเภอลาดบัวหลวง ว่าบ้านหลังดังกล่าวมีพฤติกรรมมั่วสุมยาเสพติด และมีวัยรุ่นเข้าออกเป็นจำนวนมาก เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ปรากฎว่า นายภาคภูมิ ได้ทิ้งสิ่งของบางอย่างลงน้ำ โดย เจ้าหน้าที่จึงลงไปงมก็พบยาบ้า 107 เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลาง จากนั้นจึงนำตัวทั้ง 2 ราย ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้กำชับให้ฝ่ายปกครอง บูรณาการทุกหน่วยงาน จะต้องทำแผนปฏิบัติการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย และกำหนดขั้นตอนอย่างชัดเจน พร้อมติดตามประเมินผลให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับชั้นทราบ รวมถึงแจ้งให้ ป.ป.ส. และศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ บูรณาการแผนงานต่าง ๆ เพื่อให้ประสานสอดคล้อง และสร้างกลไกในการกำกับดูแลในทุก ๆ ด้านให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม และบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ สิ่งที่สำคัญ คือ ผู้เสพและผู้ขาย ทุกหน่วยงานจะต้องตรวจสอบบุคลากรข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัด และ Re X-Ray เพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นผู้เสพ หรือสนับสนุนกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด จะต้องเอาผิดทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด หากพบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องผู้บังคับบัญชาต้องถูกลงโทษด้วย หากพบเห็นการกระทำความผิดดังกล่าวหรือต้องการแจ้งเบาะแสสามารถโทรสายด่วน ศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจะได้เร่งดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้ยาเสพติดหมดไปจากสังคมไทยอย่างยั่งยืน
กองสารนิเทศ สป.มท.
คร้ังที่ 558/2565 วันที่ 23 พ.ย. 65
