เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 66 นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ขับเคลื่อนการน้อมนำแนวทางโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีข้าราชการในพื้นที่เป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” เริ่ม Kick Off ตั้งแต่จวนผู้ว่าราชการจังหวัด บ้านพักนายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ เพื่อให้เป็นแบบอย่างให้กับพี่น้องประชาชน ในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ลดรายจ่าย อันจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ในทุกพื้นที่อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช
“ตนได้นำผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ร่วมลงพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลชะมาย อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ติดตามถามไถ่และให้กำลังใจการขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ในการปลูกพืชผักสวนครัวทุกครัวเรือน ขยายผลสู่การพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา” บนพื้นที่ของนายณภัทรพงศ์ ทรงแก้ว ข้าราชการบำนาญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และนางอุไร ทรงแก้ว ข้าราชการบำนาญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งภายหลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว ได้มุ่งในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการหันมาปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร ใช้พื้นที่ในที่ดินของตนเอง พัฒนาตามแนวทางการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา” เพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลายหลังเกษียณให้ค้นพบความสุขอย่างยั่งยืนที่แท้จริง” ผู้ว่าฯ อภินันท์ กล่าว
นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ที่มาของการลงพื้นที่ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากกระทรวงมหาดไทยมีความมุ่งมั่นที่จะน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผ่านการเรียนรู้และปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา ซึ่งนำไปสู่การใช้ชีวิตแบบ “พึ่งพาตนเอง” และการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ช่วยสร้างความมั่นคงด้านอาหารอย่างยั่งยืน ทำให้เกิดความรักความสามัคคีของคนในชุมชน ต่อยอดไปสู่การนำไปขาย เป็นการสร้างรายได้ลดรายจ่าย ขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในชุมชน เพื่อการพัฒนาชีวิตที่ดี นำไปสู่การเป็นหมู่บ้านที่ยั่งยืน โดยการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้มีขวัญกำลังใจในการสร้างสิ่งที่ดีให้กับชีวิตนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะนายกรัฐมนตรีของพื้นที่ และในฐานะผู้นำสูงสุดในพื้นที่จังหวัดของกระทรวงมหาดไทย และทุกกระทรวง จะต้องยึดหลักการทำงานที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยได้ประทานไว้สรุปโดยสังเขปว่า “คนมหาดไทยต้องหมั่นลงพื้นที่เยี่ยมเยียนราษฎรจนกระทั่งรองเท้าสึก ไม่ใช่นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ อยู่ในห้องทำงาน จนก้นกางเกงขาด”
นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่ออีกว่า ในพื้นที่ดำเนินการขนาด 1 ไร่เศษของนายณภัทรพงศ์ – นางอุไร ทรงแก้ว ได้มีการบริหารจัดการพื้นที่ตามหลัก โคก หนอง นา โดยมีการขุดสระ (หนอง) เลี้ยงปลานิล ปลาไน ปลาแรด และปลาบึก การทำปุ๋ยหมักใช้เอง การทำคันนาทองคำ ปลูกพืชผักสวนครัว เช่น ผักโขมเบตง สตรอเบอรี เมลอน มะระ กะหล่ำปลี บัวบก กุยช่าย พริกไทย ผักเขลียง มะนาว มะเขือ พริกขี้หนู ถั่วฝักยาว ตะไคร้ ขมิ้น ชะอม ไม้ไผ่กิมซุง โดยตนได้ร่วมแลกเปลี่ยนและให้คำแนะนำในเรื่องการปรับแต่งพื้นที่ด้วยการห่มฟางให้พื้นที่ชุ่มชื้น ปลูกไม้ยืนต้น พืชผักสวนครัวที่หลากหลาย ผักกินยอด ผักกินใบ การเลี้ยงสัตว์ การทำนา เน้นการเกษตรแบบผสมผสาน และต่อยอดพัฒนาเป็นพื้นที่เรียนรู้ต้นแบบระดับตำบล เพื่อที่จะได้ขยายผลไปยังหมู่บ้านอื่น ๆ และตำบลอื่น ๆ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนร่วมกัน รวมทั้งทำให้ประชาชนได้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของความมั่นคงด้านอาหาร ความสำคัญของดิน ตามแนวคิด “อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน” เนื่องในวันดินโลก (World Soil Day) ต่อไป
“ดินเป็นทรัพยากรที่มีประโยชน์มากมายมหาศาลต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต ทั้งด้านเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลก ที่สำคัญดินยังเป็นแหล่งกำเนิดอาหารกว่าร้อยละ 95 ของอาหารทั้งหมดบนโลก ถ้าดินมีคุณภาพดี ย่อมผลิตพืชผลอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ สร้างความมั่นคงทางอาหาร และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับทุกคน แต่ปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ของดินเป็นสิ่งที่มนุษย์กำลังมองข้ามไป การใช้สารเคมีในการทำเกษตร การเผาเศษซากเพื่อปรับสภาพดิน การตัดไม้ทำลายป่า รวมไปถึงการขยายตัวของเมือง ทำให้เกิดการเสื่อมถอยของความอุดมสมบูรณ์ของดินและส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (UN SDGs) เป็นหัวใจหลัก และตระหนักถึงความสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันเป็นที่มาของ UN SDGs และพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด เกิดเป็น “โคก หนอง นา” การทำการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง การเกษตรที่หลากหลาย ที่สามารถช่วยให้ประชาชนเกิดการพึ่งพาตนเองได้ ช่วยพัฒนาให้พี่น้องประชาชนให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ มั่นคง และยั่งยืนตามเจตนารมณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ได้ร่วมประกาศกับองค์การสหประชาชาติ” ผู้ว่าฯ อภินันท์ กล่าวเพิ่มเติม
นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของดิน หันมาอนุรักษ์ทรัพยากรดิน ฟื้นฟูดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เพื่อที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Soils, where food begins: อาหาร ก่อกำเนิด เกิดจากดิน” และช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม หลอมรวมสร้างพลังความรัก สามัคคี รักษาขนบธรรมเนียมภูมิปัญญาวิถีชีวิตดั้งเดิมถ่ายทอดสู่รุ่นลูกหลานและคนทั่วไป ผ่านกระบวนการที่สมาชิกของหมู่บ้านได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช ให้มีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนตลอดไป
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข #MOI #Changeforgood #SDGTH #หมู่บ้านยั่งยืน
#เรื่องเล่าจากชุมชน #วันดินโลก #SDGlocalization #SEPforSDGs #Worldsoilday
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 477/2566 วันที่ 26 พ.ค. 2566