เมื่อวานนี้ (24 เม.ย. 68) เวลา 13.00 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านการบริหาร เป็นประธานพิธีเปิดโครงการปฐมนิเทศข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ และข้าราชการที่โอนมารับราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยการเสริมสร้างทักษะและฝึกประสบการณ์จริง (Learning by Doing) ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และบรรยายพิเศษหัวข้อ “วัฒนธรรมของส่วนราชการ ความคาดหวังของส่วนราชการและระบบราชการที่มีต่อข้าราชการ” โดยมี นางสาวรัตนา สรภูมิ ผู้อำนวยการสถาบันดำรงราชานุภาพ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้เข้ารับการศึกษาอบรม จำนวน 25 คน ร่วมรับฟัง ณ ห้องประชุมอัษฎางค์ ชั้น 5 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย
นายเชษฐา โมสิกรัตน์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีและขอต้อนรับทุกท่านที่ได้รับการแต่งตั้ง เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และได้ชื่อว่าเป็น “คนมหาดไทย” ดังนั้น ทุกท่านจึงต้องพึงตระหนักในเรื่อง “จริยธรรมของข้าราชการ” ยึดมั่นในจริยธรรม และยืนหยัดในหน้าที่ถูกต้องและเป็นธรรม มีจิตสำนึกที่ดี รับผิดชอบต่อหน้าที่ รู้จักแยกเรื่องส่วนตัวออกจากตำแหน่งหน้าที่ และยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน เป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงาน หากข้าราชการซึ่งเป็นกลไกของทางราชการที่สำคัญขาดจริยธรรม จิตสำนึก หรืออุดมการณ์ที่ดีงาม เพื่อส่วนรวมก็จะทำให้ข้าราชการประพฤติมิชอบ ทุจริตต่อหน้าที่ เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ทั้งนี้ เนื่องจากจิตใจหรือจริยธรรมมีส่วนสำคัญในการกำหนดพฤติกรรม ดังนั้น “จริยธรรมของข้าราชการ” จึงมีส่วนแสดงให้เห็นถึงการเป็นข้าราชการที่มี “คุณธรรม” ควบคู่ด้วยการเป็นข้าราชการที่มีทั้งคุณภาพและคุณธรรม
“ข้าราชการทุกคนต้องรู้จักงานในหน้าที่ เป็นผู้มีความรู้ เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตน โดยศึกษาระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติงาน ในหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและที่ได้รับมอบหมาย ปฏิบัติงานโดยยึดหลักกฎหมาย กฎ ระเบียบ และยึดถือประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญให้เป็นทั้ง “คนดีและคนเก่ง” รวมทั้งอยากจะเน้นย้ำให้ทุกคนดำรงตนโดยน้อมนำแนวทางตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและการทำงาน คือ “พอประมาณ” มีความพอดีต่อความจำเป็นและเหมาะสม ไม่ทำอะไรเกินตัว ดำเนินชีวิตโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น “มีเหตุผล” ในการตัดสินใจ ดำเนินการเรื่องต่างๆ ตามหลักกฎหมาย ศีลธรรม จริยธรรม อย่างรอบคอบ “มีภูมิคุ้มกัน” ในตัวที่ดีพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคม สามารถปรับตัวและรับมือได้อย่างทันท่วงที” นายเชษฐา กล่าว
นายเชษฐา กล่าวต่อไปอีกว่า การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ นั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน คือ เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้น มาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในการปฏิบัติ และเงื่อนไขคุณธรรม ประกอบด้วยความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียรใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
“การศึกษาอบรมในครั้งนี้ ขอให้ทุกท่านตั้งใจเรียนเก็บเกี่ยวความรู้จากวิทยากรและมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ขอให้ทุกท่านได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน เป็นเครือข่ายการทำงานร่วมกันต่อไปในอนาคต เพี่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน” นายเชษฐา กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 291/2568 วันที่ 25 เม.ย. 2568