เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 66 เวลา 09.40 น. ที่ห้องภิรัชฮอลล์ 1 – 3 ชั้น 2 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ว่าราชการจังหวัดสำเภาทอง ภายในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยมีนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายกลินท์ สารสิน นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านบริหาร นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ คณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานและเลขาธิการหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) ร่วมพิธี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รางวัลสำเภาทองเป็นรางวัลที่หอการค้าไทยริเริ่มจัดขึ้น ตั้งแต่ปี 2553 เพื่อมอบรางวัลให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีผลการดําเนินงาน ด้าน “การส่งเสริมบทบาทภาคเอกชน” ผ่านกลไกหอการค้าจังหวัด ซึ่งตนคิดว่ารางวัลนี้นอกจากจะเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ที่สําคัญยิ่งในการให้ความสําคัญกับ “ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน” ในการช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
““สำเภา” เป็นสัญลักษณ์แห่งการค้าขายที่รุ่งเรืองและเมื่อเป็น “สำเภาทอง” หมายความว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญ มั่นคง รุ่งเรือง” ต้องขอขอบคุณหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย “ทุกท่านคือเส้นเลือดที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย” เราจะสนับสนุนทุกนโยบายที่ประเทศชาติเกิดประโยชน์และประชาชนเกิดความมั่งมีศรีสุข มีความร่มเย็นเป็นสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” นายอนุทินฯ กล่าวเน้นย้ำ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ในการปฎิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตนได้เห็นการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ได้เห็นคำว่าผู้ว่าฯ CEO เด่นออกมาอย่างชัดเจน โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกท่าน คือ “พ่อเมือง” คือ คนที่ต้องบริหารกิจการทั้งหลายที่เกิดขึ้นในจังหวัด ตลอดจนประสานความร่วมมือในจังหวัดเดียวกัน ภูมิภาคเดียวกัน สามารถที่จะบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนได้ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวก บริการภาครัฐให้กับผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชนทุกคน ดังนั้น ตนจึงคิดว่าหอการค้าไทยจะได้ใช้กลไกที่เรามีอยู่และแนวทางผู้ว่าฯ CEO บูรณาการความร่วมมือต่าง ๆ ตามเป้าหมายของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ต้องการให้ทางจังหวัดได้ให้ความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพื้นที่ ทั้งนี้ จากการร่วมงานกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เห็นถึงความเป็น “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ที่จะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่ถูกต้องให้กับประชาชน ให้กับผู้ประกอบการทั้งหลายได้ เพื่ออำนวยประโยชน์และความสุขที่ยั่งยืนให้กับประชาชน
สำหรับปี พ.ศ. 2566 มีผู้ว่าราชการจังหวัดที่รับรางวัลผู้ว่าราชการจังหวัด “สำเภาทอง” ประจำปี 2566 รวม 36 รางวัล ได้แก่ 1. นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร 2. นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี 3. นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา) 4. นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี 5. นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ) 6. นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร 7. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ 8. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตราด) 9. นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก) 10. นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม 11. นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา 12. นายอภินันท์ เผือกผ่อง เกษียณอายุราชการ (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช) 13. นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี 14. นางพาตีเมาะ สะดียาม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี 15. นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 16. นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง 17. นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ 18. นายณรงค์ วุ่นซิ้ว เกษียณอายุราชการ (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัภูเก็ต) 19. นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม) 20. นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน 21. นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด 22. นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง) 23. นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง 24. นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ เกษียณอายุราชการ (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี) 25. นายสำรวย เกษกุล เกษียณอายุราชการ (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ) 26. นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ เกษียณอายุราชการ (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร) 27. นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา) 28. นายณรงค์ รักร้อย เกษียณอายุราชการ (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร) 29. นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว 30. นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย 31. นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี 32. นายวิชวุทย์ จินโต เกษียณอายุราชการ (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี) 33. นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ 34. นายชนาส ชัชวาลวงศ์ เกษียณอายุราชการ (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ) 35. นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และ 36. นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี)
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1117/2566 วันที่ 19 พ.ย. 2566