วันนี้ (14 ก.ค. 67) เวลา 17.00 น. ที่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงบรรยากาศพิธีเชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้เดินทางเชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มายังกระทรวงมหาดไทยครบถ้วนแล้วทั้ง 76 จังหวัด ในเวลา 16.56 น. โดยทุกขั้นตอนดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูง และข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ร่วมในพิธีเชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากทุกจังหวัดทั่วประเทศมาเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เป็นผู้เชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ แบ่งเป็น 14 ขบวน โดยในช่วงเช้า ได้แก่ ขบวนที่ 1 คือ จังหวัดนนทบุรี ขบวนที่ 2 จังหวัดสมุทรปราการ ขบวนที่ 3 จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี และสุพรรณบุรี ขบวนที่ 4 จังหวัดเลย เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ และสระบุรี ขบวนที่ 5 จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อุทัยธานี นครนายก ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และอ่างทอง ขบวนที่ 6 จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ขบวนที่ 7 จังหวัดจันทบุรี ตราด ชลบุรี และระยอง ขบวนที่ 8 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับในช่วงบ่าย เป็นการเชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดในขบวนที่ 9-14 โดยขบวนที่ 9 ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส พังงา และปัตตานี ขบวนที่ 10 ประกอบด้วย จังหวัดพัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี ขบวนที่ 11 ประกอบด้วย จังหวัดนครสวรรค์ น่าน พิจิตร พิษณุโลก แพร่ สุโขทัย และอุตรดิตถ์ ขบวนที่ 12 ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน ขบวนที่ 13 ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร และยโสธร และขบวนที่ 14 ประกอบด้วย จังหวัดร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี และอุบลราชธานี
“สำหรับคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของทุกจังหวัด กระทรวงมหาดไทยได้ใช้ห้องดำรงธรรม บริเวณชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นสถานที่เก็บรักษาคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ผลัดเวรดูแลรักษาสถานที่เก็บรักษาคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งช่วงกลางวัน และกลางคืน” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ
นายสุทธิพงษ์ เพิ่มเติมว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลได้ดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมอบหมายกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ รวม 107 แหล่ง และกรุงเทพมหานคร คือ หอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวัง รวมจำนวน 108 แหล่ง
“กระทรวงมหาดไทย จะมีพิธีเชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ในวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 เวลา 07.00 น. เพื่อประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ตามฤกษ์เวลา 16.30 น. ในวันเดียวกัน ซึ่งในพิธีนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์จากครอบสัมฤทธิ์ที่ได้ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ประมวลรวมกับน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากจังหวัดต่าง ๆ ลงในขันสาคร พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ หลั่งน้ำเทพมนตร์ลงในขันสาคร จากนั้น นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา จะตักน้ำพระพุทธมนต์จากขันสาคร โดยใช้ถ้วยศิลาจารึกอักษรพุทธคาถา รินลงในพระเต้าปทุมนิมิต ได้แก่ 1) พระเต้าปทุมนิมิตทอง 2) พระเต้าปทุมนิมิตนาก และ 3) พระเต้าปทุมนิมิตเงิน สำหรับใช้ในการทำพิธีเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง ในวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2567 เวลา 06.00 น. เพื่อนําขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ต่อไป” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1392/2567 วันที่ 14 ก.ค. 2567