วันนี้ (28 ก.ย. 67) เวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมราชบพิธ อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ทำพิธีมอบ “ถุงของขวัญแทนคำขอบคุณจากใจ” ซึ่งเป็นของอุปโภค-บริโภค ให้กับกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) และแม่บ้าน คนสวน พนักงานขับรถยนต์ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายบรรจบ จันทรัตน์ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นางวรสุดา รัตนสุคนธ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงมหาดไทย นางปวีณ์ริศา เกิดสม นางจิราภรณ์ โมสิกรัตน์ นางนงลักษณ์ ซุ้นหั้ว นางศลิษา ภิรมย์รัตน์ นางจิรวรรณ เพ็ญพาส นางอรจิรา ศิริมงคล ร่วมพิธี ซึ่งมี สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยบริการที่ 1 กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 1 และกองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 3 กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน และแม่บ้าน คนสวน พนักงานขับรถยนต์ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมรับมอบด้วยตนเองจำนวน 141 คน
ดร.วันดี กล่าวว่า สมาคมแม่บ้านบ้านมหาดไทยในฐานะหนึ่งในสมาชิกของ “ครอบครัวมหาดไทย” ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนงานเคียงข้างข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อหนุนเสริมแรงกาย แรงใจ และความคิดในการเติมเต็มให้งานประสบความสำเร็จ ด้วยการยึดมั่นในปณิธาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดี ได้มอบไว้ให้กับชาวมหาดไทยนับเนื่องถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 132 ปี โดยสิ่งที่สมาคมแม่บ้านมหาดไทยเป็นเสมือนหน่วยงานที่คอยหนุนเสริมบทบาทข้าราชการมหาดไทยด้วยการมองรอบครอบคลุมทุกมุมของการทำงานนั้น ทำให้เราเห็นว่า “สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน” หรือ “สมาชิก อส.” คือกำลังพลของกระทรวงมหาดไทยที่ทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขในทุกเรื่องเคียงข้างพนักงานฝ่ายปกครอง และข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกหน่วยงาน ทุกกิจกรรม ทุกภารกิจ จนบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และอีกส่วนสำคัญของการสนับสนุนภารกิจให้กับผู้บริหาร ตลอดจนข้าราชการผู้ปฏิบัติงานประจำกระทรวงมหาดไทย นั่นคือ “แม่บ้าน คนสวน พนักงานขับรถยนต์” ที่หากขาดท่านใดท่านหนึ่งไป ก็จะส่งผลต่อภารกิจสำคัญที่ต้องทำให้พี่น้องประชาชนได้มีความสุขจากการเข้ารับบริการ รวมไปถึงหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และทุกภาคส่วนในการติดต่อประสานราชการให้เกิดประโยชน์ต่อทางราชการและประชาชนอย่างสูงสุด
ดร.วันดี กล่าวต่ออีกว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 สมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนงานตามนโยบายที่สำคัญ 5 ประการใหญ่ ประการแรก เราชักชวนพี่น้องประชาชน น้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับสิ่งที่ดีต่อร่างกายและจิตใจ เพราะนอกจากจะได้รับประทานผักปลอดสารพิษแล้ว ยังเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีของสมาชิกในครอบครัว และยังลดรายจ่าย สร้างรายได้ให้กับครัวเรือนอีกด้วย และในวันพรุ่งนี้ (29 ก.ย. 67) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปลูกดอกแก้ว และทรงเยี่ยมชมบริเวณสวนลานอเนกประสงค์ อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่คนมหาดไทย ภายใต้การนำของท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คนที่ 41 ได้น้อมนำแนวพระราชดำริสู่การปฏิบัติจริง เป็นผู้นำต้องทำก่อนที่บริเวณใจกลางอาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย ประการที่ 2 การเสริมสร้างสุขอนามัยให้แก่แม่และเด็ก ได้เติบโตอย่างถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสุขลักษณะ ประการที่ 3 โครงการส่งเสริมการใช้ผ้าไทย โดยน้อมนำแนวพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณรี นารีรัตนราชกัญญา “ผ้าไทยให้สนุก” ประการที่ 4 การดำเนินโครงการ “ครอบครัวมหาดไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” โดยการจัดทำถังขยะเปียก ลดโลกร้อน และการจัดทำธนาคารขยะ จนสามารถซื้อขายคาร์บอนเครดิต และประการที่ 5 โครงการให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ ที่ทุกงานล้วนประสบความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ สามารถสร้างประโยชน์ ที่วัดผลได้ผ่านตัวชี้วัดความสุขที่พี่น้องประชาชนทุกคนได้รับ และตัวชี้วัดเชิงตัวเลขผ่านการสร้างมูลค่าสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับทุกครัวเรือนในทั่วทุกพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
“งานทุกงาน งานทุกหน้าที่ล้วนมีความสำคัญกับความสำเร็จ ไม่ว่าพวกเราจะอยู่จุดไหน ก็ขอให้มีความมุ่งมั่น นำชีวิตของเราให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้น สิ่งที่ทุกท่านได้ทำภารกิจหน้าที่ นอกจากให้ชีวิตตนเองดีแล้ว เราก็ยังรับใช้พี่น้องประชาชน ในเรื่องของการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข อีกด้วย จึงต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยใจจริง ที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นน้อง ๆ อส. แม่บ้าน คนสวน และพนักงานขับรถยนต์ ต่างทำงานหนักด้วยกันทั้งสิ้น และเนื่องในวาระที่ท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คนที่ 41 ครบวาระเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 นี้ ขอฝากพวกเราทุกคนมุ่งมั่นทำความดีเพื่อหนุนเสริมบทบาทการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทำให้ความดีอยู่คู่กับคนมหาดไทยตลอดไป” ดร.วันดี กล่าวเน้นย้ำ
ด้าน นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอบคุณสมาคมแม่บ้านมหาดไทยที่ดูแลชาวกระทรวงมหาดไทย และขอขอบคุณสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และแม่บ้าน คนสวน พนักงานขับรถยนต์ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ร่วมสนับสนุนภารกิจในการช่วยเหลือเพื่อร่วมดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดีงาม ซึ่งภารกิจหลังจากนี้ก็จะไม่เบาไปกว่าที่ผ่านมา แต่จะมีแต่หนักเพิ่มขึ้น จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนและขอให้ดูแลสุขภาพอนามัยให้แข็งแรง ช่วยกันเสริมสร้างความรักสามัคคีในหมู่พี่น้องมหาดไทยของเรา ทั้งคนในบ้านและเพื่อนร่วมงานในที่ทำงาน เพื่อที่จะทำให้แขนงไม้ไผ่ที่มีความเปราะบางหลาย ๆ แขนงมาถูกมัดรวมกันเพื่อให้แข็งแรง แข็งแกร่ง ช่วยกันทำหน้าที่ในการดูแลครอบครัว ดูแลกระทรวงมหาดไทย ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถต่อไป
“เพราะหน้าที่ของพวกเรา “สมาชิก อส.” มีความสำคัญยิ่งยวด เนื่องจากพี่น้องกองอาสารักษาดินแดนนั้น ต่างดูแลทุกเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาร้องขอ ไม่เพียงแค่เรื่องการรักษาความปลอดภัยหรือการอำนวยความสะดวกด้านจราจร แต่ “พวกเราทำทุกเรื่องที่ถูกผู้บังคับบัญชาร้องขอ” ซึ่งตอนนี้พวกเราจำนวนหนึ่งก็ไปอยู่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยทางพื้นที่ในการทำความสะอาด ฟื้นฟูหลังน้ำลด เพื่อคืนความสุขให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว และบางส่วนก็ไปดูแลผู้บังคับบัญชา ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ปฏิบัติราชการได้โดยสะดวก บางส่วนก็ไปเสี่ยงภัยอยู่ในพื้นที่ที่ต้องเผชิญภยันตราย ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง ขอให้พวกเราทุกคนตระหนักว่าพวกเรามีความสำคัญ “ส่วนนี้เรียกว่าคนที่รับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน” แต่อย่างไรก็ดีใน “ส่วนที่ 2 ส่วนของชีวิต” ทุกคนก็ต้องคิด Change for Good ซึ่งหมายความว่า นอกจากรับผิดชอบหน้าที่ที่รับมอบหมายให้สมบูรณ์ดีแล้ว เราก็ต้องคิดในการที่จะหาแนวทางในการพัฒนางานที่เรารับผิดชอบ และงานที่เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งงานที่เราอาจจะไม่ได้รับผิดชอบโดยตรงให้ดีขึ้น หรือเรียกว่า “การเป็นผู้มีจิตอาสา” มีความปรารถนาดีอยากเห็นสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และ “ส่วนที่ 3 ในเรื่องส่วนตัว” นอกจากเราต้องดูแลสุขภาพพลานามัยของเราให้ดีแล้ว เราต้องช่วยกันเสริมสร้างพลังความรักความสามัคคีในหมู่คณะ เริ่มตั้งแต่ครอบครัว ที่ทำงาน ให้ดีขึ้น และเรายังต้องขวนขวายในการพัฒนาศักยภาพของตนเองทั้งในเรื่องเนื้องาน วิทยาการสมัยใหม่ ความทันสมัย เรื่องระเบียบกฎหมาย และหลักการปฏิบัติตน รวมถึงการศึกษาทางโลกที่สังคมให้เครดิตว่า สามารถเอาไปใช้ในการประกอบสัมมาชีพ ดังนั้น เราก็ต้องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่นิ่งนอนใจที่จะไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อที่จะได้เป็นต้นทางของการที่เราจะมีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานต่อไปในอนาคต ทั้งอาชีพราชการ และอาชีพส่วนตัว เช่น มุมานะเรียนกฎหมายก็จะเป็นทนายความได้ เป็นผู้พิพากษา อัยการนายอำเภอ เป็นต้น และในส่วนของ “พี่ ๆ แม่บ้าน” และทุกตำแหน่ง ทั้งคนสวน พนักงานขับรถยนต์ก็เช่นกัน ถ้าไม่มีท่าน พี่ ๆ ก็ทำงานไม่ได้ ไม่มีท่านพี่น้องประชาชนก็ไม่มีสถานที่ราชการที่สะอาดสวยงาม ห้องน้ำที่สะอาด ต้นไม้ที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และที่สำคัญ คือการเปิดห้องทำงานทุก ๆ ห้อง การขับรถเพื่อติดต่อประสานราชการทั้งในกรุงเทพมหานครและเดินทางไปราชการทั้ง 76 จังหวัด ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นไปดังที่ท่าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้กรุณาพูดว่า “หน้าที่ของพวกเราทุกคนมีความสำคัญอย่างยิ่ง” และหน้าที่ที่สำคัญอย่างยิ่งของพวกเรานั้น จะเกื้อกูลให้การปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของพี่น้องข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทุกภาคส่วน สามารถเป็นไปได้อย่างได้ผลดีมากกว่าที่มีแค่ข้าราชการเป็นผู้ปฏิบัติเอง” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องขอกราบขอบพระคุณและส่งความปรารถนาดีไปยังทุกท่าน และขออนุญาตอำลาพวกเรา เพื่อไปเป็นข้าราชการบำนาญ แต่อย่างไรก็ดี ความดีงามและน้ำจิตน้ำใจของทุกท่าน การให้เกียรติที่ทุกท่านมีให้ตนและนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ในห้วงตลอดเวลาที่ผ่านมา รวมถึงทุกข์สุขที่เราได้อยู่ร่วมกัน เป็นสิ่งที่จะได้จดจำและระลึกนึกถึงอยู่เสมอ และพบเจอกันที่ไหนก็สามารถทักทายกัน มีอะไรเดือดร้อนหรืออยากให้ช่วยเหลือก็ขอให้บอก และตนขอยืนยันคำเดิมว่า “ยินดีในการที่จะให้ความช่วยเหลือตามอัตภาพ” และขอขอบคุณทางสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ที่ได้กรุณาแสดงน้ำใจ และมอบให้ทางผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ได้มีโอกาสในการมาร่วมส่งความปรารถนาดีที่เป็นรูปธรรมนี้ คือ “ถุงยังชีพ” และมีโอกาสพูดคุยอำลาพวกเราในโอกาสเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 นี้ และขอเป็นกำลังใจให้พวกเรามุ่งมั่นทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างสมบูรณ์และขวนขวายพัฒนาตนเองเพื่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ความยั่งยืน” ของชีวิตตลอดไป
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1888/2567 วันที่ 28 ก.ย. 2567