วันที่ 17 กันยายน 2566 เวลา 09.39 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นำอธิบดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 พร้อมคู่สมรส รวม 41 คน เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ และรับประทานพร เพื่อความเป็นสิริมงคล
การนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถวายเครื่องสักการะ และกราบทูลถวายรายงาน แล้วเบิก นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ในฐานะผู้แทนข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ พร้อมด้วย นางวรสุดา รัตนสุคนธ์ คู่สมรส ถวายเครื่องสักการะ
เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาท ความว่า “อาตมภาพขออนุโมทนาสาธุการ ต่อข้าราชการและชาวกระทรวงมหาดไทยทุกท่าน ที่ได้มาเยี่ยมเยือนกันในวันนี้ ซึ่งนับเป็นโอกาสพิเศษ ที่อาตมภาพจะได้แสดงมุทิตาจิตต่อผลสัมฤทธิ์ของการทำงาน ตามที่ท่านผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกษียณอายุราชการ ได้สร้างสรรค์มาด้วยดี ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมา
ผู้เกษียณอายุราชการ คือ ผู้อาวุโสอย่างสมบูรณ์ การเจริญวัยล่วงมาโดยสวัสดิภาพถึงเขตนี้ ย่อมต้องผ่านประสบการณ์ ตามสำนวนไทยที่เรียกว่า “ผ่านร้อนผ่านหนาว” มามาก การผ่านฤดูกาลที่ร้อนและหนาวมาถึง 6 ทศวรรษ สมควรที่ผู้สูงวัยจักได้ไตร่ตรองถึงการกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจ ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านไปแล้วในอดีตให้ถี่ถ้วน ว่าเราได้กระทำสิ่งใดเหมาะสมถูกต้อง เป็นประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่นไว้บ้าง ในขณะเดียวกัน ก็ต้องกล้าหาญพอที่จะยอมรับกับตนเองว่า เราได้กระทำสิ่งใดไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร เป็นโทษทุกข์แก่ตน และแก่ผู้อื่นไว้บ้าง
การคิดทบทวนด้วยความเอาใจใส่ ด้วย “จิตตะ” และมุ่งแก้ไขปรับปรุงตนให้ดียิ่งขึ้นด้วย “วิมังสา” เช่นนี้ คือ กระบวนการศึกษาและพัฒนาตนเองตามหลักพระพุทธศาสนา เพื่อชีวิตข้างหน้าที่เหลือของทุกคน จักได้ดำเนินไปอย่างรอบคอบที่สุดในขณะปัจจุบัน โดยไม่เผลอก้าวพลาดกระทำผิดซ้ำรอยเดิม ให้เป็นที่น่าอับอายแก่ลูกหลานและคนรุ่นหลัง ท่านต้องตั้งตนเป็นผู้พร้อมพรั่งด้วยกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ในอันที่จะเพิ่มพูนความดีงามในชีวิตให้ทวีคูณยิ่ง ๆ ขึ้นกว่าเก่า ให้สามารถดำรงตนเป็นร่มเงาอันร่มเย็นของครอบครัว ชุมชน และสังคมประเทศชาติได้ ให้สมฐานะของร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นผู้ใหญ่วัยเกษียณที่น่ารักน่าเคารพตลอดไป
ขออำนวยพรให้ข้าราชการบำนาญ และสาธุชนทุกท่าน จงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เต็มเปี่ยมด้วยสรรพกำลังโดยชอบธรรม ในอันที่จะคอยช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษา และเป็นแบบอย่างอันดีงามของชาวกระทรวงมหาดไทยรุ่นหลัง ในการทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ของประชาชน ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ ตลอดกาลนาน เทอญ“
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 870/2566 วันที่ 17 ก.ย. 2566