วันนี้ (18 พ.ย. 66) เวลา 10.09 น. ที่วัดท่าสะแบง ตำบลมะบ้า อำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชผ้าพระกฐินพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยได้รับเมตตาจาก พระครูสุทธิวโรภาส รองเจ้าคณะอำเภอทุ่งเขาหลวง เจ้าอาวาสวัดท่าสะแบง เป็นประธานสงฆ์ พระครูสุภัทรธรรมโฆษิต (พระครูต้น) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรวิหาร ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหลวงหัวป่า พระครูปลัดสุขวัฒน์ (อนุสรณ์ ปภสฺสโร) และพระเถรานุเถระ ประกอบพิธี โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร ประชาชน สื่อมวลชน และภาคีเครือข่าย ร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วอาราธนาศีล ประธานสงฆ์ให้ศีล แล้วอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้น พระครูปลัดสุขวัฒน์ (อนุสรณ์ ปภสฺสโร) นั่งปรกอธิษฐานจิตวัตถุมงคลที่ระลึกกฐินวัดท่าสะแบง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จุดเทียนน้ำพระพุทธมนต์ถวาย เมื่อเสร็จพิธีอธิษฐานจิต นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำพุทธศาสนิกชนถวายเครื่องไทยธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้นอนุโมทนา ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ เป็นอันเสร็จพิธี
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วัดท่าสะแบง หรือวัดบ้านท่าสะแบง ตั้งอยู่เลขที่ 97 หมู่ 4 ตำบลมะบ้า อำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2303 เดิมที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 6 ไร่ 50 ตารางวา ตามเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1 เลขที่ 329 อาณาเขตทิศเหนือประมาณ 2 เส้น 18 วา จดที่ดินนางเมย ทิศใต้ประมาณ 4 เส้น 2 วา จดที่ดินนางอินทร์ ทิศตะวันออกประมาณ 4 เส้น 6 วา จดแม่น้ำชี ทิศตะวันตกประมาณ 4 เส้น 4 วา จดทางสาธารณประโยชน์ ปัจจุบันที่ดินที่ใช้สร้างวัดแปลงดังกล่าว ทางวัดได้ยกให้ฝ่ายส่งน้ำกรมชลประทานทุ่งแซงบาดาล (ปัจจุบันเป็นที่ทำการฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 โครงการชลประทานจังหวัดร้อยเอ็ด) โดยมีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 3 ไร่ 15 ตารางวา ตามเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1 เลขที่ 29 ปัจจุบันมีพระสงฆ์ จำนวน 12 รูป มีพระครูสุทธิวโรภาส (สะอาด) รองเจ้าคณะอำเภอทุ่งเขาหลวง เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าสะแบง
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับประวัติความเป็นมาของวัดท่าสะแบงนั้น เดิมมีชื่อว่า วัดตาล ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2405 ได้ตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาและได้เปลี่ยนชื่อวัดมาเป็น วัดตาลท่าสะแบง และในปีเดียวกันก็ได้ย้ายที่ตั้งของวัดมาอยู่ที่กลางหมู่บ้านเพื่อให้ชาวบ้านได้สะดวกในการประกอบกิจทางพระพุทธศาสนา บนที่ดิน 5 ไร่เศษ ที่ชาวบ้านได้กันส่วนไว้เพื่อทำประโยชน์ของชุมชน โดยแบ่งที่ให้สร้างวัด 3 ไร่เศษ เพราะจะได้เป็นศูนย์กลางของชุมชนและเป็นที่พักของพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยและจีนที่เดินทางค้าขายทางเรือเพื่อขนสินค้าไปขายในเมือง เพราะท่าสะแบงเป็นท่าขนสินค้าตั้งแต่สมัยก่อน เนื่องจากวัดอยู่ใกล้กับท่าเรือ ทำให้การก่อสร้างเสนาสนะของวัดเป็นไปโดยง่าย มีอาคารเสนาสนะมั่นคงถาวร มีพระภิกษุ-สามเณร พักจำพรรษาอยู่มากมาย ตลอดจนพระขันติภิรมย์ (หลวงปู่ขัน) ยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ประชาชนให้ความเคารพศรัทธา ทำให้วัดเจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก
“โดยเมื่อ พ.ศ. 2481 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 55 หน้า 497 ลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2481 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 1 เส้น ยาว 2 เส้น และได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดท่าสะแบง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยต่อมาหลวงปู่พระขันติภิรมย์ เห็นว่า อาณาบริเวณวัดคับแคบ ไม่สะดวกให้พระภิกษุสามเณรได้พักอาศัย จึงได้ขอบริจาคที่ดินจากชาวบ้านเพื่อสร้างกุฏิสงฆ์ และโรงเรียนสอนหนังสือ เพื่อให้พระภิกษุ สามเณร และเด็กในชุมชนได้เรียนหนังสือ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียน ถ้าอยากจะเรียนหนังสือต้องมาเรียนที่วัด เมื่อการก่อสร้างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก็เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ ทำให้อาคารเสนาสนะ โบสถ์ ที่สร้างอยู่ที่ดินวัดเดิมทรุดตัวลง เนื่องจากพื้นดินอุ้มน้ำทำให้ดินเกิดการทรุดตัวลง หลวงปู่พระขันติภิรมย์จึงได้ย้ายที่ตั้งวัดมายังที่ดินที่ตั้งของโรงเรียนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยเมื่อย้ายที่ตั้งวัดมาแล้วหลวงปู่ก็ได้สร้างอาคารเสนาสนะขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ และโบสถ์ที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ฐานก่อปูน หลังจากนั้นอีก 4 ปี หลวงปู่ก็ได้มรณภาพลง เมื่อ พ.ศ. 2498 สิริรวมอายุ 77 ปี พรรษา 57 โดยปัจจุบันวัดท่าสะแบงมีเสนาสนะ ประกอบด้วย โบสถ์ 1 หลัง วิหารพระอุปคุต 1 หลัง วิหารหลวงพ่อแสนคำ 1 หลัง พระพุทธสิรินทรมหามุนี (หลวงปู่ขาว) ศาลาการเปรียญ 1 หลัง ศาลาบำเพ็ญกุศล 1 หลัง หอระฆัง 1 หลัง ศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน 1 หลัง ศาลารับรอง 1 หลัง โรงครัว 2 หลัง กุฎีสงฆ์ 8 หลัง ศาลาอเนกประสงค์ 1 หลัง ศาลารับรองสงฆ์ 1 หลัง และห้องน้ำ 35 ห้อง” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐิน ให้อัญเชิญไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดท่าสะแบง แห่งนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2566 โดยจะเริ่มตั้งขบวนอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ตั้งแต่เวลา 09.09 น. เป็นต้นไป จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ดทุกท่าน ได้ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลในการพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ โดยพร้อมเพรียงกัน
กองสารนิเทศ สป.มท.
ครั้งที่ 1115/2566 วันที่ 18 พ.ย. 2566